|
" ย่างเข้าหน้าร้อนไม่ทันไร อุณหภูมิของอากาศก็สำแดงแผงฤทธิ์สะกิดให้รู้ว่าโลกเรามันร้อนจริงๆ นะจ๊ะ หันหน้าไปทางไหนก็ป๊ะกับป่าคอนกรีตซีดๆ เซียว หาสีเขียวๆ มาเยียวยาให้เย็นตาสบายใจแทบไม่มี สงสัยคงต้องพึ่งพาสองมือของตัวเองปลูกต้นไม้คลายร้อนซะหน่อยแล้ว ว่าแต่ว่าอยู่ในเมืองแบบนี้ จะเอาพื้นที่ตรงไหนมาปลูกต้นไม้ล่ะ...
ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ในเขตเมืองที่อัดแน่นไปด้วย
อาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ซะจนแทบจะไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับต้นไม้ จึงเกิดการคิดค้น นวัตกรรมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง การปลูกต้นไม้ในแนวระนาบผนัง หรือ การปลูกต้นไม้ในแนวตั้ง (Vertical Garden) กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด และลดความหนาของดินที่ต้องใช้ลงด้วย "
|
สำหรับในประเทศไทยก็มีทีมวิจัยจาก สถาบันวิจัย และพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ศึกษาเรื่อง "ผนังสีเขียว" นวัตกรรมอาคารเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยนำเอาต้นไม้นี่แหละมาเป็นส่วนหนึ่งของอาคารซะเลย ซึ่ง "ผนังสีเขียว" ก็คือ การปลูกต้นไม้บนเปลือกอาคาร และหลังคาของอาคาร โดยเปลือกอาคารชีวภาพแบบนี้มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ที่นอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนเข้าสู่อาคารได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังลดการสะท้อน และแผ่รังสีออกสู่อากาศภายนอกอาคาร อันเป็นสาเหตุของเกาะความร้อนในเมือง (urban heat island) นอกจากนี้ยังช่วยดูดซับ และกรองฝุ่นละออง ควันพิษต่างๆ ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นอีกด้วย
ทีมวิจัยได้นำ ไม้เลื้อย มาปกคลุมหน้าต่างแทนแผงกันแดดตามอาคาร ซึ่งพบว่าสามารถลดความร้อนเข้าสู่อาคารได้เป็นอย่างดี โดยจะลดความร้อนได้ดีที่สุดในช่วงที่มีอุณหภูมิสูงสุดตอนกลางวัน โดยพบความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างห้องที่ใช้แผงกันแดดไม้เลื้อยกับอากาศภายนอกมากที่สุดถึง 11 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ยิ่งไม้เลื้อยที่นำมาปลูกมีจำนวนใบปกคลุมมากเท่าไหร่ ก็จะมีประสิทธิภาพในการลดความร้อนมากเท่านั้น แต่ก็มีปัญหาในเรื่องการระบายอากาศ ซึ่งแก้ได้โดยการเปิดประตูหรือหน้าต่างด้านตรงข้าม หรือการเปิดพัดลมระบายอากาศ เพื่อช่วยให้อากาศผ่านผนังสีเขียวได้ดีขึ้น
นอกจาก แผงกันแดดไม้เลื้อย แล้วยังมีการศึกษาถึงความสามารถในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของ ผนังไม้เลื้อย โดยการนำไม้เลื้อยพันธุ์ท้องถิ่นที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศบ้านเราอย่างสร้อยอินทนิล พวงชมพู และตำลึง ปลูกให้เลื้อยไปบนไม้ระแนง พบว่าสร้อยอินทนิลสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีที่สุด
รวมทั้งมีการนำ ดินเผา ซึ่งเป็นวัสดุที่ผลิตได้ภายในประเทศ มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี แข็งแรงทนทาน และปกติก็ใช้เป็นกระถางต้นไม้อยู่แล้ว ออกแบบให้เป็น บล็อกดินเผาสำหรับปลูกต้นไม้ในแนวตั้ง แบบง่าย ๆ ที่สามารถติดตั้งได้เอง โดยเดินระบบท่อน้ำเพื่อให้น้ำในแนวตั้ง ซึ่งผนังบล็อกดินเผานี้สามารถลดอุณหภูมิภายในห้องได้ดีกว่าการติดตั้งฉนวนกันความร้อนปกติถึง 2 องศาเซลเซียส
แต่จะว่าไปแล้วสวนแนวตั้งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ซะทีเดียว เพียงแต่เราไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดา ต้นไม้ตามแนวรั้ว กำแพงไม้เลื้อย หรือไม้กระถางแขวนต่างๆ ก็ปลูกเป็นสวนแนวตั้งได้
จากนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวสมัยผู้ว่าฯอภิรักษ์ โกษะโยธิน ทำให้ตามป้ายรถเมล์ในกรุงเทพฯ บ้านเราก็มีสวนแนวตั้งกะเขาด้วย(แม้ว่าจะตายไปบ้าง ถูกมือดีจิ๊กไปบ้างก็เหอะ)
นอกจากนี้ในงาน Expo 2005 ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการเสนอแนวคิด biolung ซึ่งเป็นผนังขนาดใหญ่ มีความสูง 20 เมตร ยาว 150 เมตร ปลูกไม้ดอกชนิดต่างๆ ในแนวตั้งเป็นผนังอาคาร ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกสดชื่นได้ไม่น้อย
ทั้งนี้ทั้งนั้น การปลูกสวนแนวตั้งต้องมีปริมาณมากจึงจะได้ผลดีมาก
หน้าร้อนนี้ลองเพิ่มความสดชื่น สบายตา ให้ชีวิตด้วยพื้นที่เล็กๆ ที่มีอยู่กันดีมั้ย?
อ้างอิง: www.green.in.th โดยเจ๊เขียว